Fire Alarm Testing
 
 
									การทดสอบอุปกรณ์แจ้งเหตุเพลิงไหม้ตามมาตรฐาน NFPA 72 เพื่อความปลอดภัยสูงสุด
ระบบแจ้งเหตุเพลิงไหม้ (Fire Alarm System) ถือเป็น “ด่านแรก” ในการเตือนภัยเพลิงไหม้ เพื่อให้ผู้คนในอาคารสามารถอพยพได้ทันท่วงที และเพื่อส่งสัญญาณไปยังหน่วยดับเพลิงอย่างรวดเร็ว แต่หากอุปกรณ์ตรวจจับและระบบแจ้งเหตุไม่ได้รับการทดสอบและบำรุงรักษาตามมาตรฐานสากล อาจทำให้สัญญาณเตือนขัดข้อง หรือไม่ทำงานขณะเกิดเหตุจริง ซึ่งส่งผลร้ายแรงต่อชีวิตและทรัพย์สิน
มาตรฐานที่ใช้ทั่วโลกคือ NFPA 72 (National Fire Alarm and Signaling Code) ซึ่งครอบคลุมถึง
- การออกแบบและติดตั้ง (Design & Installation) 
- การตรวจสอบ (Inspection) 
- การทดสอบ (Testing) 
- การบำรุงรักษา (Maintenance) 
ขอบเขตของ NFPA 72 ที่เกี่ยวข้องกับการทดสอบ
NFPA 72 ได้กำหนดรายละเอียดเกี่ยวกับ ประเภทของการทดสอบ (Types of Fire Alarm Testing) ที่ต้องทำเป็นประจำ ได้แก่
1. การทดสอบอุปกรณ์ตรวจจับ (Detection Devices)
- Smoke Detectors (เครื่องตรวจจับควัน) 
 ต้องทดสอบการตอบสนองด้วยการจำลองควันหรือใช้เครื่องมือทดสอบเฉพาะ
- Heat Detectors (เครื่องตรวจจับความร้อน) 
 ต้องทดสอบการตอบสนองต่ออุณหภูมิที่กำหนด เช่น Fixed Temperature หรือ Rate-of-Rise
- Flame Detectors (เครื่องตรวจจับเปลวไฟ) 
 ทดสอบการตอบสนองต่อรังสี UV/IR ในสเปกตรัมที่อุปกรณ์ออกแบบมา
- Gas Detectors (ในกรณีที่ติดตั้งในโรงงานปิโตรเคมี) 
2. การทดสอบอุปกรณ์ส่งสัญญาณ (Notification Appliances)
- Horn, Bell, Siren : ทดสอบระดับความดังของสัญญาณเสียงให้อยู่ตามที่ NFPA กำหนด (อย่างน้อย 15 dB สูงกว่าระดับเสียงรบกวน) 
- Strobe Light : ทดสอบความเข้มแสงและการกระพริบตามมาตรฐาน UL/NFPA 
- Speaker System : ทดสอบความชัดเจน (Intelligibility) ของเสียงประกาศอพยพ 
3. การทดสอบระบบควบคุมและสัญญาณ (Control Unit & Signal Transmission)
- Fire Alarm Control Panel (FACP) : ทดสอบการทำงานของวงจรทั้งหมด การส่งสัญญาณ Trouble, Supervisory, Alarm 
- Circuit Monitoring : ตรวจสอบว่าเมื่อวงจรหลุดขาด ระบบสามารถแจ้งเตือนข้อขัดข้องได้ 
- Signal Transmission : ทดสอบการส่งสัญญาณไปยังศูนย์รับแจ้งเหตุเพลิงไหม้ (Fire Department หรือ Monitoring Station) 
ความถี่ในการตรวจสอบและทดสอบตาม NFPA 72
NFPA 72 ได้กำหนด ตารางความถี่ (Inspection, Testing, Maintenance Schedule – ITM) เอาไว้อย่างชัดเจน ตัวอย่างเช่น
- ตรวจสอบด้วยสายตา (Visual Inspection) : รายเดือน/รายไตรมาส 
- ทดสอบการทำงาน (Functional Testing) : รายครึ่งปีหรือรายปี ขึ้นอยู่กับชนิดอุปกรณ์ 
- การบำรุงรักษา (Maintenance) : ตามคำแนะนำผู้ผลิต และอย่างน้อยปีละครั้ง 
ตัวอย่าง:
- Smoke Detector → ทดสอบปีละครั้ง 
- Heat Detector → ทดสอบปีละครั้ง 
- Manual Pull Station → ทดสอบปีละครั้ง 
- Notification Appliance (Horn, Strobe) → ทดสอบครึ่งปี 
- Fire Alarm Control Panel → ทดสอบทุกปี 
ประโยชน์ของการทดสอบตาม NFPA 72
- เพิ่มความปลอดภัยชีวิตและทรัพย์สิน 
 มั่นใจได้ว่าอุปกรณ์ทำงานได้เมื่อเกิดเหตุจริง
- เป็นไปตามข้อกฎหมายและมาตรฐานสากล 
 หลายประเทศรวมถึงประเทศไทยอ้างอิง NFPA 72 เป็นแนวทางตรวจสอบระบบแจ้งเหตุเพลิงไหม้
- เพิ่มความน่าเชื่อถือขององค์กร 
 อาคารที่ผ่านการตรวจสอบตามมาตรฐานช่วยสร้างความมั่นใจแก่ผู้เช่า พนักงาน และลูกค้า
- ลดความเสี่ยงในการถูกปฏิเสธการประกันภัย 
 บริษัทประกันภัยจำนวนมากกำหนดให้ต้องมีบันทึกการทดสอบ Fire Alarm System เป็นประจำ
- ยืดอายุการใช้งานของระบบ 
 ช่วยลดค่าใช้จ่ายในการซ่อมแซมใหญ่ เพราะตรวจพบปัญหาก่อนที่อุปกรณ์จะเสียหายหนัก
ตัวอย่างรายการทดสอบ Fire Alarm System ตาม NFPA 72
- ตรวจสอบ Smoke Detector ด้วย Aerosol Test Gas 
- ทดสอบ Manual Pull Station ให้แน่ใจว่าส่งสัญญาณเข้า Panel 
- ทดสอบ Horn/Strobe ทุกจุดให้มั่นใจว่าทำงานครบ 
- ตรวจสอบ Battery Backup ของ FACP ให้มีแรงดันเพียงพอ 
- ทดสอบ Fire Alarm Annunciation ที่ Control Room ว่ารับสัญญาณครบทุกโซน 
- ทดสอบ การเชื่อมต่อกับระบบดับเพลิง (Interconnection Test) เช่น สัญญาณ Alarm สั่งงานระบบสปริงเกลอร์หรือระบบดับเพลิงอัตโนมัติ 
ขอรายละเอียดเพิ่มเติม
สนใจติดต่อ : 02-652-7831-8, 02-255-5610-9
Email : marketing@nippon.co.th
ID LINE : @nipponchemical
หรือคลิกเพื่อเพิ่มเพื่อน https://lin.ee/2VX1vfN
Nippon Chemical Facebook : https://www.facebook.com/Nipponchemical/
Powered by Froala Editor
 @nipponchemical
 @nipponchemical








